ฉบับวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (“ส.อ.ท.”) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2530 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวแทนของผู้ประกอบอุตสาหกรรมภาคเอกชนในการประสานนโยบายและดำเนินงานระหว่างเอกชนกับรัฐ ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบอุตสาหกรรม ให้คำปรึกษาและเสนอข้อแนะนำแก่รัฐบาลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมของประเทศ และหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย โดย ส.อ.ท. เคารพและตระหนักถึงสิทธิความเป็นส่วนตัวของทุกท่าน ที่มาติดต่อ เข้ารับบริการ หรือทำงานร่วมกับ ส.อ.ท. (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านจะได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส.อ.ท. จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงแนวทางในการประมวลผลข้อมูล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายว่าด้วย
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
นอกจากนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แล้ว ส.อ.ท. จะจัดทำเอกสารการแจ้งเตือนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในแต่ละกิจกรรม เพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมี
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในเอกสารการแจ้งเตือนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ให้ถือตามความในเอกสารการแจ้งเตือนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมนั้น
โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ มีเนื้อหาสาระ ดังต่อไปนี้
1. คำนิยาม
1.1 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้
ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
1.2 ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว หมายถึงข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
1.3 การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
1.4 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ ส.อ.ท. เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
1.5 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งในที่นี้คือ ส.อ.ท.
1.6 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
2. วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
2.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับ ส.อ.ท. เช่น การสมัครเป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. กลุ่มอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สถาบันรหัสสากล หรือปฏิบัติตามสัญญาใด ๆ ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา เช่น การฝึกอบรม การสัมมนา การจับคู่ธุรกิจ และการออกใบรับรองต่าง ๆ
2.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ ส.อ.ท. หรือของบุคคลอื่น เช่น
2.3 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
2.4 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฏระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
2.5 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้ เช่น การออกใบรับรอง Made in Thailand ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า
2.6 กรณีที่ท่านให้ความยินยอม ส.อ.ท. จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความยินยอมได้ในข้อ 4
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
ส.อ.ท. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น
4. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
4.1 ในกรณีที่ ส.อ.ท.เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับ ส.อ.ท.ได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
4.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับ ส.อ.ท.หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้ส.อ.ท. ไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
4.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อำนาจปกครองให้ ส.อ.ท. ทราบเพื่อให้ ส.อ.ท. สามารถดำเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย
5. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
ส.อ.ท. เก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่ ส.อ.ท. ดังนั้น ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายนี้หรือประกาศของการบริการ ตามแต่กรณี ให้บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลนั้นหากเป็นกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลแก่ ส.อ.ท.
ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการให้บริการของ ส.อ.ท. อาจเป็นผลให้ ส.อ.ท. ไม่สามารถให้บริการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือบางส่วน
6. คุกกี้
ส.อ.ท. เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ ส.อ.ท. เช่น www.fti.or.th หรือบนอุปกรณ์ของท่านตามแต่บริการที่ท่านใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของ ส.อ.ท. และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของ ส.อ.ท. และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของ ส.อ.ท. ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่าน
7. ส.อ.ท. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่นทราบ ดังนี้
บุคคลที่สามมีสิทธิในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในสัญญาที่ทำกับ ส.อ.ท. เท่านั้น โดยข้อกำหนดส่วนหนึ่งของสัญญาที่ ส.อ.ท. ทำกับบุคคลที่สามเหล่านี้กำหนดให้บุคคลดังกล่าวต้องปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบายใด ๆ ตามที่ ส.อ.ท. กำหนด และบุคคลเหล่านี้จะต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและปลอดภัย
8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
8.1 ส.อ.ท. อาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างส.อ.ท. กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
8.2 ส.อ.ท. อาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่ ส.อ.ท. จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
8.3 ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ส.อ.ท. จะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึง ส.อ.ท. จะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
9. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
9.1 ส.อ.ท. จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน ส.อ.ท. จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
9.2 ส.อ.ท. จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
9.3 กรณีที่ส.อ.ท. ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน ส.อ.ท. จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและส.อ.ท. ดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี ส.อ.ท. จะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้ ส.อ.ท. สามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้
10. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
10.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ ส.อ.ท. และ ส.อ.ท. ได้นำมาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลงเปลี่ยนแปลง และการทำลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
10.2 ส.อ.ท. จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
11. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
11.1 ท่านสามารถขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ส.อ.ท. กำหนด ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ส.อ.ท. อาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล
11.2 ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับส.อ.ท.ได้ ตลอดระยะเวลาที่ ส.อ.ท. จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
11.3 ท่านสามารถขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลของท่านเป็นปัจจุบันได้
11.4 ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
11.5 คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
11.6 ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
11.7 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เราหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของเราหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
11.8 ท่านสามารถขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่ ส.อ.ท. ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ ส.อ.ท. จะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านต่อไป และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
12. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
ส.อ.ท. จะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ส.อ.ท. จะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบันลงในเว็บไซต์ของ ส.อ.ท. โดยเร็วที่สุด
13. ช่องทางการติดต่อ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สถานที่ติดต่อ: ชั้น 8 อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ เลขที่ 2 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
ช่องทางการติดต่อ: Call Center: 02-345-1000
Website: www.fti.or.th
**********************************